โลกสลัวใต้แสงดาวเดือนสิบเอ็ด ลมหนาวกรูสะบัด แต่นั่นไม่อาจหยุดรองเท้ายับเยินที่พรวดย่ำไปบนพื้นดินชอุ่ม กิ่งไม้ระกะ กรวดหินตำขา ทว่าเธอหยุดไม่ได้ ไม่อาจหยุด! แคว่ก! เสื้อขาดเพราะหนามเกี่ยว มันบาดเข้ามาถึงเนื้ออ่อนๆ ตรงท้องแขนจนได้เลือด เธอสะดุ้งเฮือก แต่ร้องไม่ได้ เฉพาะเสียงกิ่งไม้ที่ไหวยามออกแรงกระชากก็มากเกินพอ เธอกลัว กลัวเหลือเกินว่ามันจะได้ยิน เสียงซู่ๆ แกรกกรากลั่นตามหลัง หญิงสาวขนลุกสะพรึง เหลียวมองไม่เห็นใคร ในอนธการช่วงสี่ทุ่มของสถานรกร้างใกล้ทางหลวงสายเอเชียหมายเลข ๒ ทุกอย่างคล้ายถูกหมึกดำราดจนสะท้อนเพียงแสงรางๆ เป็นโครงร่างขอบเงา เธอแยกแยะไม่ออก อาจเป็นลมหนาว สัตว์ป่า หรือกระทั่งผู้ตามกระชั้นเข้ามาทุกขณะจิต! ในที่สุดตัดสินใจ เสื้อคลุมตัวใหม่มูลค่าน้อยกว่าชีวิต ทิ้งมันไว้บนแง่งหนาม พอทะลุพรวดมาเธอล้มหน้าคะมำ ร้อง “อุ๊ปส์!” รีบตะปบปาก จังหวะเดียวกับเสียงส่ายๆ ข้างหลังหยุดดัง ทุกจินตนาการดับสิ้น มัน! คือมันที่ไล่ตาม มันได้ยินเสียงของเธอและหยุดหันขวับ! เสียงดงไม้ถูกก้าวฝ่าค่อยๆ ดังเข้ามาใกล้ หญิงสาวตะลึงลาน ดึงมือออกจากปากวางบนพื้นต่างเท้าหน้า เพ่งผ่านม่านน้ำตา เริ่มคืบคลานไปหว่างโคนต้นของหมู่ไม้ ที่ไหนสักแห่ง เธอจำเป็นต้องซ่อน